สำหรับท่านที่กำลังจะยื่นขอวีซ่าอเมริกาแล้วได้สืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็คงจะเคยเห็นหลายๆ คนโพสต์ข้อความคล้ายๆกันว่า วันนี้เพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่า ผลคือ ไม่ผ่าน และเจ้าหน้าที่กงสุลไม่บอกเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ผ่าน เตรียมเอกสารทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็นไปหมด เตรียมความพร้อมไปอย่างดี พกความมั่นใจไปเต็มร้อย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูเอกสารอะไรเลย ถามแค่ว่า ครั้งแรกเหรอ? ไปหาใคร? ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีก็บอกว่า ไม่อนุมัติวีซ่า ความจริงแล้ว การขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วีซ่าเพื่อการพักผ่อน ท่องเที่ยว เยี่ยมเยือนเพื่อนฝูงหรือญาติ ที่ผู้ที่จะขอวีซ่ารู้จักกันดีในชื่อ B-2 นั้น...ยาก...จริงหรือ? แล้วถ้าบอกว่า อัตราการ ปฏิเสธวีซ่าประเภท B-2 จำแนกตามสัญชาติในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (2021) สำหรับประเทศไทยคิดเป็น อัตราร้อยละ 31.82% คุณคิดว่า การขอวีซ่าประเภท B-2 ยากหรือไม่
การขอวีซ่าอเมริกาจะยากหรือไม่นั้น คุณจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นสังคมเปิดโดย ประเทศสหรัฐฯไม่ได้กำหนดให้มีมาตรการควบคุมภายในเหมือนหลายต่อหลายประเทศที่มีผลบังคับใช้กับผู้มา เยือนส่วนใหญ่ อันได้แก่ การกำหนดให้ผู้เดินทางต่างชาติมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ดังนั้นกฎหมายคน เข้าเมืองสหรัฐฯจึงได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่กงสุลสันนิษฐานว่า ผู้สมัครวีซ่าทุกคนเป็นผู้มีเจตนาจะอพยพถิ่นฐาน เป็นการถาวรจนกว่าผู้สมัครแต่ละคนจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีเจตนาดังกล่าว ในการที่ท่านจะสามารถใช้เอกสิทธิ ของการเดินทางในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างเต็มที่ ท่านมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าจะเดินทางกลับ ประเทศ ก่อนที่จะได้รับวีซ่าเยี่ยมเยียนชั่วคราวหรือวีซ่านักเรียน ดังนั้น ถ้าคุณไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า คุณไม่ได้ มีเจตนาที่จะอพยพย้ายไปอยู่อเมริกาเป็นการถาวรและคุณจะเดินทางกลับประเทศไทย แน่นอนว่า วีซ่าของคุณก็ จะไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณถูกปฏิเสธวีซ่าโดยที่เจ้าหน้าที่กงสุลไม่บอกเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ อนุมัติวีซ่าให้คุณ คุณก็อาจได้รับคำตอบแล้วว่า ก็เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่า คุณจะเดินทางกลับประเทศไทย
โดยปกติ หลังจากที่คุณถูกปฏิเสธวีซ่าอเมริกา คุณก็จะได้รับเอกสารที่เรียกว่า จดหมายปฏิเสธ ซึ่งในจดหมาย ปฏิเสธนั้นก็จะมีข้อความว่า เรียน ผู้สมัครขอวีซ่า ท่านไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับวีซ่าชั่วคราวภายใต้ มาตรา 214 (b) ตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐอเมริกา การไม่ได้รับอนุมัติวีซ่าภายใต้ มาตรา 214 (b) หมายความว่า ท่านไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า สิ่งที่ท่านตั้งใจจะไปปฏิบัติที่สหรัฐอเมริกานั้น สอดคล้องกับประเภทของวีซ่าชั่วคราวที่ท่านสมัคร ถ้าไม่อยากถูกปฏิเสธวีซ่าอเมริกาด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ จะ ต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือ คุณก็ต้องทำให้เจ้าหน้าที่กงสุลเชื่อให้ได้ว่า คุณจะเดินทางกลับประเทศไทยด้วย การพิสูจน์ให้เจ้าหน้าที่เห็นถึงความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นกับประเทศไทย ความผูกพันในที่นี้หมายถึง ปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในหลายๆด้านที่ผูกมัดตัวคุณไว้กับประเทศไทย ความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและแต่ละบุคคล ทั้งนี้รวมถึงหน้าที่การงานของคุณ บ้านพักอาศัยของคุณ และ/ หรือ ความสัมพันธ์ของคุณกับครอบครัวและเพื่อนของคุณ
โปรดจำไว้ว่า ในระหว่างการสัมภาษณ์วีซ่า เจ้าหน้าที่กงสุลจะตัดสินการยื่นขอวีซ่าแต่ละกรณีอย่างเป็นเอกเทศ และพิจารณาเหตุการณ์แวดล้อมของผู้สมัคร แผนการเดินทาง หลักฐานด้านการเงิน และความผูกพันนอกประเทศ สหรัฐฯซึ่งเป็นการยืนยันว่าผู้สมัครจะเดินทางออกนอกประเทศเมื่อสิ้นสุดการเยี่ยมเยียนชั่วคราว กฎหมายคน เข้าเมืองของสหรัฐอเมริกากำหนดให้หน้าที่ในการออกหรือการปฏิเสธวีซ่าเป็นของเจ้าหน้าที่กงสุลที่อยู่ต่าง แดน เจ้าหน้าที่เหล่านี้มีสิทธิเด็ดขาดในการตัดสินใจเกี่ยวกับวีซ่าทุกกรณี
ตามกฎแล้วกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมีอำนาจทบทวนคำตัดสินของสถานกงสุล แต่อำนาจดังกล่าวจำกัด อยู่ภายใต้การตีความทางกฎหมายเท่านั้น ซึ่งจะตรงข้ามกับการตัดสินตามข้อเท็จจริง ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการ ปฏิเสธวีซ่าดังกล่าวอันเกิดจากคำถามที่ว่าผู้สมัครมีที่พำนักอยู่ต่างแดนตามที่กำหนดไว้หรือไม่นั้นถือเป็นข้อเท็จ จริง ดังนั้นจึงถือเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดของเจ้าหน้าที่กงสุลที่สำนักงานในต่างแดนในการตัดสินชี้ขาด ผู้สมัคร สามารถโน้มน้าวให้มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินหลังจากได้รับการปฏิเสธวีซ่าแล้วได้ด้วยการนำเสนอหลักฐาน ใหม่เกี่ยวกับความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น